ที่มาของสำนวนภาษาอังกฤษที่น่าสนใจ

A Doubting Thomas  = คนขี้ขลาดไม่ยอมเชื่่ออะไรง่ายๆ

ที่มา : หากแปลตรงตัวก็คือ โทมัสขี้สงสัย ซึ้งสำนวนนี้มาจากคัมภีร์ไบเบิลที่กล่าวถึงนักบุญทอมัสหนึ่งในอัครสาวกสิบสององค์ผู้ไม่เชื่อว่าพระเยซูคืนชีพจริงและต้องการสิ่งพิสูจน์

Add Fuel To The Fir  = น้ำไฟด้วยน้ำมัน
ที่มา : เติมน้ำมันลงในกองไฟ ความหมายเดียวกับ การดับไฟด้วยน้ำมัน

 

All Bark And No Bite = ดีแต่ปาก

ที่มา : แปลตรงตัวก็คือ เห่าแต่ไม่กัด หมายถึง คนที่ดีแต่พูด เก่งแต่ปาก

An Arm And A Leg    = ราคาสูงมาก

ที่มา : แปลตรงตัวคือ เป็นแขนและขา เปรียบกับการซื้อของสิ่งนั้นมาในราคาสูงมาก จนเหมือนการตัดแขนตัดขากันเลย 

Baker's Dozen            = 13จำนวน

ที่มา : แปลตรงตัวคือ 12ชิ้นของคนขายขนมปัง ซึ่งในอดีต หากเราซื้อขนมปังครบ 12 แถว คนขายขนมปังจะแถมให้อีก 1 แถว รวมเป็น 13 แถว จึงเป็นที่มาของสำนวนนี้

Bite Your Tongue       = หุบปาก

ที่มา : แปลตรงตัวคือ กัดลิ้นของคุณ เป็นสำนวนที่หมายถึง  ให้หยุดพูด, เงียบไปซะ

Break a Leg               = ขอให้โชคดี

ที่มา : แปลตรงตัวคือ ขอให้ขาหัก ซึ่งชาวต่างประเทศเชื่อว่า เป็นการแก้เคล็ด ว่าจะไม่เจอสิ่งที่ไม่ดี สำนวนนี้จึงเป็นคำอวยพร 

Cry Over Spilt Milk = เสียใจกับสิ่งที่ผ่านมาแล้ว

ที่มา : แปลตรงตัวคือ เสียใจกับน้ำนมที่มันหก สื่อถึง การเสียใจกับสิ่งที่มันผ่านไปแล้ว

Don't count your chickens befor they hatch  = สงครามยังไม่จบ อย่าพึ่งนับศพทหาร

ที่มา : สำนวนนี้เปรียบเปรยว่า อย่ารีบนับจำนวนลูกไก่ จนกว่ามันจะฟักออกมาทั้งหมด ซึ่งตรงกับสำนวนไทยที่ว่า สงครามไม่สงบ อย่าเพิ่งนับศพทหาร

Funny Farm           = โรงพยาบาลบ้า

ที่มา : แปลตรงตัวจะหมายถึง สวนสนุก นั่นหมายถึงโรงพยาบาลบ้านั่นเอง

It's a small world   = โลกกลม

ที่มา : แปลตรงตัวจะหมายถึง โลกมันเล็ก จึงทำให้เจอกันแล้วเจอกันอีก สื่อถึง โลกกลม นั่นเอง

Don't put all your egg in one basket    =  อย่าตั้งความหวังไว้กับสิ่งเดียว

ที่มา : แปลตรงตัวจะหมายถึง อย่านำไข่ทั้งหมดใส่ลงไปในตะกร้าเพียงใบเดียว เพราะอาจทำให้ไข่แตกได้ ซึ่งสื่อถึง อย่าตั้งความหวังไว้กับสิ่งเดียว

No room to swing a cat                          =  ที่เท่่าแมวดิ้นตาย

ที่มา : สำนวนนี้หมายถึง ที่แคบมากๆ จนไม่มีที่จะโยนแมว ซึ่งหมายถึงสำนวน ที่เท่าแมวดิ้นตาย

A Happiness Day

          on June 20,2011 , was a happiness day for me. It was midday on Monday in Thawaranukul School. In the fourth quarter,I’m sided in the blue team which playing with green team and our scores are at the same .Suddenly, I fell down and got the ankle sprain. A few minutes later, The green team got the 3-point shot that make the score be 54-57 .After that , our team got the penalty 2 times and take 1 point .Shortly after, blue team got 2 point and turn the score to 57-57 in last 10 second .At last we can score more .Finally, we won! However, I got the ankle sprain but I’m so happy that our team have the good harmony which make us won.

Marine Dumping

Marine Dumping

Dumping of litter in the sea can cause huge problems. Litter items such as 6-pack ring packaging can get caught in marine animals and may result in death. Different items take different lengths of time to degrade in water:

• Cardboard – Takes 2 weeks to degrade.
• Newspaper – Takes 6 weeks to degrade.
• Photodegradable packaging – Takes 6 weeks to degrade.
• Foam – Takes 50 years to degrade.
• Styrofoam – Takes 80 years to degrade.
• Aluminium – Takes 200 years to degrade.
• Plastic packaging – Takes 400 years to degrade.
• Glass – It takes so long to degrade that we don’t know the exact time.

เศษขยะในทะเลสามารถก่อปัญหาที่ใหญ่ได้ บรรจุพรรณ์ที่ถูกทิ้งสามารถพบได้ในสัตว์ทะเลและสามารถทำให้มันตายได้ ของต่างชนิดกันนั้นใช้เวลาแตกต่างกันในการย่อยสลาย

กระดาษแข็ง -- ใช้เวลา 2 สัปดาห์ในการย่อยสลาย
หนังสือพิมพ์ -- ใช้เวลา 6 สัปดาห์ในการย่อยสลาย
บรรจุภัณฑ์ Photodegradable -- ใช้เวลา 6 สัปดาห์ในการย่อยสลาย
โฟม -- ใช้เวลาเพียง 50 ปีในการย่อยสลาย
โฟม -- นำ 80 ปีที่จะลด
อลูมิเนียม -- นำ 200 ปีที่จะลด
บรรจุภัณฑ์พลาสติก -- นำ 400 ปีที่จะลด
แก้ว -- มันใช้เวลานานเพื่อที่จะย่อยสลายที่เราไม่ทราบเวลาที่แน่นอน

       Lightning Can Strike Twice

       Cloud-to-ground lightning bolts are a common phenomenon—about 100 strike Earth’s surface every single second—yet their power is extraordinary. Each bolt can contain up to one billion volts of electricity.

This enormous electrical discharge is caused by an imbalance between positive and negative charges. During a storm, colliding particles of rain, ice, or snow increase this imbalance and often negatively charge the lower reaches of storm clouds. Objects on the ground, like steeples, trees, and the Earth itself, become positively charged—creating an imbalance that nature seeks to remedy by passing current between the two charges.

A step-like series of negative charges, called a stepped leader, works its way incrementally downward from the bottom of a storm cloud toward the Earth. Each of these segments is about 150 feet (46 meters) long. When the lowermost step comes within 150 feet (46 meters) of a positively charged object it is met by a climbing surge of positive electricity, called a streamer, which can rise up through a building, a tree, or even a person. The process forms a channel through which electricity is transferred as lightning.

Some types of lightning, including the most common types, never leave the clouds but travel between differently charged areas within or between clouds. Other rare forms can be sparked by extreme forest fires, volcanic eruptions, and snowstorms. Ball lightning, a small, charged sphere that floats, glows, and bounces along oblivious to the laws of gravity or physics, still puzzles scientists.

Lightning is extremely hot—a flash can heat the air around it to temperatures five times hotter than the sun’s surface. This heat causes surrounding air to rapidly expand and vibrate, which creates the pealing thunder we hear a short time after seeing a lightning flash.

Lightning is not only spectacular, it’s dangerous. About 2,000 people are killed worldwide by lightning each year. Hundreds more survive strikes but suffer from a variety of lasting symptoms, including memory loss, dizziness, weakness, numbness, and other life-altering ailments.

ฟ้าผ่าสามารถเกิดซ้ำได้สองครั้ง

                        ฟ้าผ่าเป็นปรากฏการณ์ที่พบบ่อย มันผ่าพื้นผิวโลก 100 ครั้งในทุกๆวินาที  ซึ่งพลังของมันเป็นที่น่าประหลาดใจมาก  สายฟ้าแต่ละอันมีพลังงานกว่า 100ล้านโวลต์

การปลดปล่อยไฟฟ้ามหาศาลนี้เกิดจากความไม่สมดุลระหว่างประจุบวกและลบ  ในระหว่างเกิดพายุ  การปะทะกันของอนุภาค ของฝน, น้ำแข็ง, หิมะจะเพิ่มความไม่สมดุลนี้และมักจะเข้าปะทะกับด้านล่างของเมฆพายุ     วัตถุบนพื้นดินเช่น ของสูงๆ ต้นไม้และโลกของตัวเองกลายเป็นขั้วบวกค่าใช้ การสร้างความไม่สมดุลที่ธรรมชาติพยายามที่จะแก้ไขปัญหาโดยการส่งผ่านประจุระหว่างทั้งสองขั้นตอนที่เหมือนของประจุไฟฟ้าลบเรียกว่าเป็นขั้นบันได โดยเกิดการลดลงของประจุจากด้านล่างของเมฆพายุไปสู่โลก  เมื่อมันเข้าใกล้รัศมีของประจุบวกประมาณ 150 ฟุต (46 เมตร) จะเกิดการแลกเปลี่ยนประจุเป็นกระแสไฟฟ้าในเชิงบวกที่เรียกว่าลำแสงที่สามารถผ่านตึก, ต้นไม้,หรือแม้กระทั่งคน กระบวนการนี้เกิดจะถูกเปลี่ยนเป็นไฟฟ้า 

สายฟ้าบางชนิดเป็นชนิดที่พบมากที่สุด ไม่เคยออกจากเมฆ แต่การเดินทางในหรือระหว่างก้อนเมฆ รูปแบบที่หายากอื่น ๆ ที่สามารถจุดประกายโดยไฟป่าที่รุนแรง, การปะทุของภูเขาไฟและพายุหิมะ ฟ้าผ่าที่มีขนาดเล็กทรงกลมที่เก็บประจุที่ลอยเรืองแสงและพร้อมลบเลือนไปตามกฎหมายของแรงโน้มถ่วงหรือฟิสิกส์, นักวิทยาศาสตร์ยังคงคิดว่าเป็นปริศนา

ฟ้าผ่าเป็นอย่างมากร้อน  แสงของมันให้ความร้อนของอากาศรอบ ๆ มันมีอุณหภูมิสูงพื้นผิวของดวงอาทิตย์ 5เท่า  ความร้อนนี้ทำให้อากาศโดยรอบอย่างรวดเร็วขยายและการสั่นสะเทือนซึ่งจะสร้างการฟ้าร้อง pealing ที่เราได้ยินเป็นเวลาสั้น ๆ หลังจากที่เห็นแสงฟ้าผ่าฟ้าผ่าไม่ได้เป็นที่น่าตื่นตาตื่นใจเพียงอย่างเดียวมันอันตรายด้วย คนราวๆ 2,000 คนถูกฆ่าตายโดยฟ้าผ่าทั่วโลกในแต่ละปี หลายร้อยคนอยู่รอดแต่ทุกข์ทรมานจากผลกระทบของอาการที่ยั่งยืนรวมถึงการสูญเสียความจำ, เวียนหัว, อ่อนแอ, ชา, และอื่น ๆ ที่มีชีวิตการแก้ไขโรค